พุทธทาสบอกว่า "อย่าไปบ้ากับชีวิตให้มาก เพราะทุกสิ่งไม่เที่ยงแท้ สุดท้ายเราก็ต้องคืนให้กับธรรมชาติ" บ้ากับชีวิต พุทธทาสคงหมายถึงพวกที่หลงวัตถุ อยากได้บ้านได้รถหาความสุขทางกาย พุทธทาสคงลืมคิดไปว่า การมาบวชพระ มุ่งปฏิบัติธรรมจะเอามรรคผลให้ได้ หรืออ่านหนังสือ เขียนหนังสือ บรรยายธรรมให้คนเข้าใจแบบที่ตัวเองต้องการ ทำแบบนั้นไปจนตาย "นั่นก็คือการบ้ากับชีวิต" อีกแบบหนึ่งคับ
คนพวกนี้เเค่มองว่า การบ้าของตัวเองประเสริฐ ส่วนการบ้าของคนอื่นมันงี่เง่า ไร้สาระ แต่โชคร้ายเหลือเกินที่คนไทยก็เชื่อไปตามเขา ตอนเรียน ป.โท มี นศ.คนหนึ่งเขียนเรื่องความยากจน แล้วบอกว่า "เพราะชาวบ้านเขาฟุ่มเฟือย ใช้เงินกับของไม่เป็นเรื่อง" อาจารย์เม้นท์ว่า "คุณกินข้าวมื้อละ 600 ซื้อโทรศัพท์เครื่องละสองหมื่น ผมซื้อหนังสือเดือนละหมื่น อันนี้เรียกว่าฟุ่มเฟือยไหม เรามองเห็นเเต่คนอื่นและเชื่อว่าถ้าเขาซื้อสิ่งที่ไม่เหมือนเราแสดงว่าเขางมงาย/ฟุ่มเฟือย"
ชาวพุทธนักเเสดงธรรมจะรวยกับการคิดคำคมอะไรแบบนี้เเหละ ประมวล เพ็งจันทร์ ก็บอกให้ออกจากความคิด มองเเล้วเข้าใจความจริงของโลกไปเลย เช่น มดกำลังรุมกัดไส้เดือน ไม่ต้องไปคิดแทนว่าไส้เดือนกำลังขอความช่วยเหลือจากเราไหม ไม่ต้องเอาเรื่องความดีไปจับ ว่าถ้าเราช่วยเขาจะรอดหรือได้บุญ ถ้าเรามองแบบธรรมชาติจะพบความหมายที่แท้จริงว่า ไส้เดือนกำลังเสียสละตัวเองช่วงสุดท้ายของชีวิต แทนที่จะตายอยู่ในดินก็ขึ้นมาตายข้างบนให้เป็นอาหารมดดีกว่า
คำอธิบายอันหลัง ไม่ได้มาจากความคิดตื้นๆ แบบมนุษย์มีกิเลสนะคับ แต่มาจากการเข้าใจสัจธรรมที่จริงแท้ผ่านการค้นหาทางจิตวิญญาณมาหลายปี .. คนไทยก็ชอบเลย อิอิ
เสียดายที่พุทธทาสตายซะก่อน ถ้าเเกอยู่มาถึงช่วงปี 2560 แกอาจได้บรรลุธรรม อันนี้ซีเรียสนะคับ คือช่วงของเเกมันช่วงโมเดิน ที่ด่าอีกอันแล้วสมาทานอีกอัน จนลืมว่าสิ่งที่ตัวเองถืออยู่นั้นก็ถูกสร้างมาเหมือนกัน ถ้าอยู่จนถึงช่วงหลังโพสตโมเดินเป็นที่นิยม คนฉลาดแบบเเกต้องบรรลุเเน่ๆ
ออ แต่ถ้ามองการบรรลุธรรมตามนิยามแบบโพสตโมเดิน ใครๆ ก็บรรลุธรรมในแบบต่างๆ ของตัวเองได้คับ ดังนั้น พุทธทาสก็บรรลุธรรมได้แล้ว ประมวลก็บรรลุได้เเล้ว เด็ก ป.1 ที่วิ่งเล่นก็บรรลุได้แล้วคับ เพราะการบรรลุไม่มีมาตรฐานเดียว อิอิ
Comments
Post a Comment